นอกจากนี้ ไม่นานมานี้มันก็มีถึง 6 คนที่ลาออกจากการเป็นผู้บริหารของ บาร์เซโลน่า โดยหนึ่งในนั้นคือ เอมิรี่ รูเซาด์ ที่ก่อนหน้านี้ครองตำแหน่งรองประธานสโมสี แถมเขาก็แฉด้วยว่ามีคนภายในทีมเอาเงินของสโมสรไปใช้เพื่อการส่วนตัว ร้อนจน บาร์เซโลน่า ต้องออกมาปฏิเสธ

 หลังจากเห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมาของ บาร์เซโลน่า แล้วนั้น ฟองต์ ซึ่งเป็นผู้นำของ ซี อัล ฟูตูร์ กลุ่มทุนที่หวังจะเข้ามาบริหาร บาร์เซโลน่า รายต่อไป ก็เขียนจดหมายเปิดผนึกเรื่องปัญหาเบื้อหลังของ บาร์เซโลน่า แล้วส่งไปยังสื่อต่างๆ โดยบอกว่าตอนนี้สภาพของทีมมันถือว่าย่ำแย่สุดๆ

   จดหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า “ซี อัล ฟูตูร์ ได้คอยเตือนสมาชิกของ บาร์เซโลน่า มาพักหนึ่งแล้วว่าสโมสรกำลังเดินหน้าเข้าหาพายุที่สมบูรณ์แบบอยู่ ช่วงที่ผ่านมาสโมสรจำเป็นต้องหานักเตะหน้าใหม่เพื่อแทนที่นักเตะรุ่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์, สร้างโปรเจ็กต์ เอสปาย บาร์ซ่า รวมถึงหาเงินให้โปรเจกต์นั้น และยังต้องสู้กับบริษัทอื่นๆ ที่แทบจะมีการเงินให้ใช้แบบไร้ขีดจำกัดด้วย นอกจากนี้ ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องทำในสภาพที่ยังให้สมาชิกของสโมสรถือสิทธิ์เป็นเจ้าของทีมต่อไปเช่นกัน รวมถึงยังต้องมีศักยภาพในการต่อสู้ที่ดีทั้งในด้านฟุตบอลและด้านอื่นๆ”

“ถ้าแต่ก่อนมันถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากแล้วล่ะก็ ในตอนนี้ความเสี่ยงมันก็พัฒนากลายเป็นระดับมโหฬารแล้ว เรากำลังเจอกับโรคระบาดที่ทำให้ทุกอย่างในโลกต้องหยุดชะงัก และมันจะมีผลกระทบกับชีวิตของทุกคน ซึ่งนั่นรวมถึงในวงการกีฬาด้วย แม้ว่าตอนนี้เราจะยังคาดการณ์ไม่ได้ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม”

“นอกจากนี้ ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นถึงเรื่องน่าอับอายที่มากขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของสโมสร เหตุการณ์ล่าสุดมันแอบปกคลุมความร้ายแรงของปัญหาก่อนหน้านั้นเอาไว้ กระบวนการมันเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จากการที่มีทั้งการกล่าวหาและการตำหนิที่รุนแรงในกลุ่มบอร์ดบริหารด้วยกัน รวมถึงการลาออกของคน 6 คน”

“ทั้งที่การพาสโมสรให้รอดพ้นจากวิกฤตินี้ควรจะเป็นเป้าหมายอันดับ 1 แต่ประธานคนปัจจุบันกลับประกาศถึงการปรับปรุงบอร์ดบริหารเพียงเพื่อที่เขาจะยังได้มีอำนาจต่อไป ตอนนี้เรียกได้ว่า บาร์ซ่า กำลังเจอกับความเสี่ยงอย่างมาก นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงนี้ เราเคยเจอมันมาแล้วทั้งจากบทลงโทษคดีของ เนย์มาร์ (ลือกันว่า บาร์เซโลน่า แอบจ่ายเงินให้หลายกลุ่มเพื่อที่จะปิดดีลกับ เนย์มาร์ จนทำให้ค่าตัวที่แท้จริงสูงสุดๆ), ความไม่ลงรอยกันระหว่างฝ่ายหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ภายในทีมหรือนักเตะ กับอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นบอร์ดบริหารและผู้จัดการทีม, การตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นเหมือนการยืนยันว่ามันมีการก่อเรื่องฉาวจริงๆ”

“ขณะเดียวกัน มันก็ยังมีนโยบายด้านกีฬาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้, การแตกหักของบอร์ดบริหาร และการลดรายได้จำนวนมากเพราะปัญหาโรคระบาดอีก ผลลัพธ์ที่จะตามมาของเรื่องเหล่านี้ก็คือการที่สโมสรเสี่ยงที่จะล้มละลายทางการเงิน และมีศีลธรรมที่เสื่อมถอย มันเหมือนกับการเกมโอเวอร์ชัดๆ”

สำหรับการเลือกตั้งประธานคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า ตามประเพณีของสโมสรนั้น จะมีขึ้นในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า โดยนอกจาก ฟองต์ แล้วนั้น ในตอนนี้มันก็มีเพียง โจอัน ลาปอร์ต้า อดีตประธานของทีมในช่วงปี 2003-10 ที่ประกาศว่าจะลงชิงตำแหน่งบิ๊กบอสของ บาร์เซโลน่า ขณะที่ บาร์โตเมว ไม่สามาถลงชิงตำแหน่งได้ หลังจากครองตำแหน่งประธานมาแล้ว 2 สมัยติดต่อกัน